สนับสนุนโดย

แชมป์ 20 สมัยของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล

Table of Contents

– สโมสรลิเวอร์พูลก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1892

– ทีมชุดแรกมีนักเตะสกอตต์มากมายจนถูกเรียกขานว่าเป็น Team of the Macs

อาการคนอยากย้าย? เทรนต์ นำทัพ ลิเวอร์พูล ร้องเพลงดังฉลองแชมป์สุดเหวี่ยง
เมื่อประวัติศาสตร์เปลี่ยนขั้ว : ลิเวอร์พูล ทวงบัลลังก์คืนจาก แมนยู หลัง 20 แชมป์เท่ากัน
20สมัยแล้ว! ลิเวอร์พูล กับการต่อยอดทวงคืนมหาอำนาจลูกหนัง

– ยังไม่สามารถเข้าร่วมฟุตบอลลีกได้ในทันที ต้องเริ่มต้นจากลีกภูมิภาคแลงคาเชียร์ก่อน

– ลิเวอร์พูลเป็นแชมป์แลงคาเชียร์ลีกตั้งแต่ฤดูกาลแรก 1892/93

– ชุดแข่งในเวลานั้นยังเป็นเสื้อสีฟ้า-ขาว กางเกงและถุงเท้าสีน้ำเงิน

– โอกาสเปิดเมื่อ แอคคริงตัน สแตนลี่ย์ กับ บูเทิ่ล ขอถอนทีมจากลีกดิวิชั่น 2 ลิเวอร์พูลจึงได้เข้าร่วมฟุตบอลลีกในฤดูกาลต่อมา 1893/94

– เล่นในดิวิชั่น 2 แค่ฤดูกาลแรกก็คว้าแชมป์ได้ทันทีอีกเช่นกันด้วยผลงานไม่แพ้ใครเลย เตะ 28 ชนะ 22 เสมอ 6

– ได้เลื่อนชั้นสู่ดิวิชั่น 1 เพียงแค่ปีที่ 3 หลังการก่อตั้งสโมสร

– แต่ฤดูกาลแรกในลีกระดับสูงสุดนั้นโหดหินเกินไป ทีมน้องใหม่จากแอนฟิลด์ตกชั้นด้วยการเป็นอันดับสุดท้ายของตาราง

– ลิเวอร์พูลแพ้ 15 จาก 30 เกมที่ลงเล่น ชนะได้แค่ 7 นัด มีเกมถูกขาใหญ่ถลุงหนัก ๆ หลายหน โดน เวสต์บรอมวิช, แอสตัน วิลล่า และ เดอะเว้นส์เดย์ ถล่ม 5-0 เจอเปรสตัน นอร์ธเอนด์บุกยำ 5-2 ถูกเอฟเวอร์ตัน, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, เบิร์นลี่ย์ และ สมอลล์ฮีธ (เบอร์มิงแฮม ซิตี้ ในปัจจุบัน) อัดอีก 3-0

– ลงไปตั้งหลักใหม่ในดิวิชั่น 2 แค่ซีซั่นเดียวก็กลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งด้วยตำแหน่งแชมป์ลีกล่างอีกสมัย

– กลับสู่ดิวิชั่น 1 รอบนี้อยู่นานกว่าเดิมคือ 8 ฤดูกาล ตั้งแต่ซีซั่น 1896/97 ถึง 1903/04

– จากที่ลงไปขลุกทำทีมเองตั้งแต่วันแรก วิลเลียม บาร์เคลย์ กับ จอห์น แม็คเคนน่า ผู้บริหารของสโมสรซึ่งถนัดงานบริหารมากกว่าตัดสินใจมอบภารกิจเรื่องเกมฟุตบอลให้ผู้เชี่ยวชาญโดยตรง.. ทอม วัตสัน โค้ชมือดีชาวจอร์ดี้ที่พาซันเดอร์แลนด์เป็นแชมป์ลีก 3 สมัยจึงถูกชักชวนให้เข้ามาเป็นกุนซือใหญ่

– แล้วมันก็ได้เรื่องจริง ๆ วัตสันขัดเกลาทีมจากที่เคยถูกพวกขาใหญ่ไล่เตะกลิ้งเป็นลูกขนุนให้ดีขึ้นจนสามารถลุ้นแชมป์เต็มตัวในฤดูกาล 1898/99 หรือเพียงปีที่สามหลังการเลื่อนชั้น

– ลิเวอร์พูลนำเป็นจ่าฝูงเมื่อเข้าสู่วันสุดท้าย แต่ความปราชัย 0-5 ต่อ แอสตัน วิลล่า ทำให้ถูกทีมสิงห์ผงาดแซงปาดหน้าคว้าแชมป์อย่างน่าเจ็บปวด

– แต่เพียงแค่ 2 ปีหลังจากนั้น วัตสันก็เสกแชมป์แรกให้ลิเวอร์พูลได้สำเร็จ มันคือแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งสมัยแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร

[สมัยที่ 1]

**ลิเวอร์พูลได้แชมป์ลีกสูงสุดอังกฤษฤดูกาล 1900/01 ด้วยผลงานเตะ 34 ชนะ 19 เสมอ 7 แพ้ 8 เฉือนซันเดอร์แลนด์รองแชมป์แค่ 2 คะแนน

– ทอม วัตสัน จึงเป็นผู้จัดการทีมที่พาลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยแรก

– แต่การสานต่อความยิ่งใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ลิเวอร์พูลกลับแย่ลงจนตกชั้นอีกหนในอีก 3 ปีให้หลัง เมื่อจบอันดับ 17 หรือรองสุดท้ายในฤดูกาล 1903/04 ด้วยผลงานเตะ 34 แพ้ 17 ชนะแค่ 9

– กระนั้นฟุตบอลระดับดิวิชั่น 2 ไม่ใช่อุปสรรคของลิเวอร์พูล เพียงแค่ปีเดียวแฟนบอลก็ได้เห็นทีมปีนกลับขึ้นสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งในฐานะแชมป์ลีกรองเหมือนเดิม

[สมัยที่ 2]

**และยิ่งไปกว่านั้น ลิเวอร์พูลในฐานะทีมน้องใหม่ทะลุยาวขึ้นไปคว้าแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งสมัยที่ 2 ได้ทันทีเพียงแค่ปีแรกที่เลื่อนชั้นขึ้นมาเล่น

– ลิเวอร์พูลจึงเคยเป็นทีมน้องใหม่ที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกหลังการเลื่อนชั้นมาแล้ว มันเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาล 1905/06 หรือ 119 ปีที่แล้ว

– ขึ้นมาคราวนี้ลิเวอร์พูลรักษาสถานะทีมในลีกสูงสุดได้นานถึง 49 ฤดูกาล

– ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 (1914-1918) ลิเวอร์พูลได้รองแชมป์ฤดูกาล 1909/10 แต่ผลงานหลังจากนั้นไม่ดีเลยเมื่อจบฤดูกาลด้วยอันดับต่ำสิบ 5 ปีติดต่อกันก่อนที่ลีกจะปิดเพราะสงคราม

– หลังสงครามโลกฟุตบอลอังกฤษกลับมาเตะกันอีกครั้งและลิเวอร์พูลทำผลงานได้ดีอีกหน คว้าอันดับ 4 สองปีติด ก่อนจะก้าวถึงแชมป์สมัยที่ 3 และ 4 ติด ๆ กัน

[สมัยที่ 3]

**แชมป์ลีกสมัยที่ 3 เกิดขึ้นในฤดูกาล 1921/22 จากการทำทีมของ เดวิด แอชเวิร์ธ ดาวซัลโวของทีมคือ ยิ้มเพชฌฆาต “Smiler” แฮร์รี่ แชมเบอร์ส หัวหอกถนัดซ้ายที่ทำประตูมากที่สุดให้ทีมมา 4 ปีติดต่อกัน และมี เอลิชา สกอตต์ จอมหนึบเฝ้าประตู

[สมัยที่ 4]

**แชมป์ลีกสมัยที่ 4 ตามมาทันทีในซีซั่นถัดมา 1922/23 แอชเวิร์ธพาทีมนำลิ่วจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1923 แล้วขอกลับไปช่วย โอลด์แฮม แอธเลติก ต้นสังกัดเก่าที่กำลังหนีตกชั้น ฝ่ายบริหารเลือก แมตต์ แม็คควีน หนึ่งในขุนพลยุคแรกเริ่มของสโมสรเข้ามาคุมทีมแทน

– แม้จะแผ่วปลายอย่างน่าเกลียดชนะแค่ 1 จาก 7 เกมสุดท้าย แต่ลิเวอร์พูลก็ยังชป้องกันแชมป์สำเร็จด้วยการทิ้งซันเดอร์แลนด์รองแชมป์ถึง 6 คะแนน (เวลานั้นชนะได้ 2 คะแนน)

– สงครามโลกเกิดขึ้นอีกครั้งเป็นหนที่สอง (1939-1945) เกมลีกหยุดแข่งไป 6 ปี

[สมัยที่ 5]

**กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งในฤดูกาล 1946/47 ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 5 ได้ทันทีในยุคของ จอร์จ เคย์

– คู่หัวหอก แจ๊ค บัลเมอร์ กับ อัลเบิร์ต สตับบินส์ ช่วยกันพังประตูคนละ 28 ลูกให้ทีมในฤดูกาลนั้น เร่งเครื่องชนะ 12 จาก 16 เกมสุดท้าย แพ้แค่นัดเดียวเข้าป้ายคว้าแชมป์ด้วยการบุกอัด วูล์ฟแฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส คู่แข่งแย่งแชมป์โดยตรงถึงโมลินิวซ์ กราวนด์ ปาดหน้าทีมหมาป่าแค่แต้มเดียว

– บ๊อบ เพสลี่ย์ ฮาล์ฟซ้ายผู้ดุดัน กับ บิลลี่ ลิดเดลล์ ปีกตัวฉกาจ ที่ขึ้นสู่ทีมตั้งแต่ปี 1939 แต่ถูกแช่แข็งไม่มีเกมลงเตะเพราะสงครามโลกไป 6 ปีได้โอกาสโลดแล่นสร้างผลงานในที่สุด และต่างก็ก้าวขึ้นไปเป็นตำนานแห่งถิ่นแอนฟิลด์ด้วยกันทั้งคู่

– ลิเวอร์พูลตกชั้นอีกครั้งหลังจบอันดับสุดท้ายฤดูกาล 1953/54 ในยุคของ ดอน เวลช์ แต่นั่นคือการตกชั้นครั้งสุดท้ายของทีมเพราะนับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับขึ้นมาอีกหนในอีก 8 ปีให้หลัง ลิเวอร์พูลก็ไม่เคยตกชั้นอีกเลยมาจนถึงปัจจุบัน

– ช่วงที่จมอยู่ในดิวิชั่นสอง ลิเวอร์พูลพบกับหนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสร เมื่อ บิลล์ แชงคลี่ย์ กุนซือวัย 46 ปีจากฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ ก้าวเข้ามาเมื่อปี 1959

– แชงค์ลี่ย์ใช้เวลา 3 ฤดูกาลพาลิเวอร์พูลกลับสู่ลีกสูงสุดอีกครั้งด้วยตำแหน่งแชมป์ดิวิชั่น 2 ซีซั่น 1961/62 และกราฟชีวิตของสโมสรนับแต่นั้นก็มีแต่ทะยานพุ่งขึ้นไม่หยุด

[สมัยที่ 6]

**ฤดูกาล 1963/64 เพียงแค่ปีที่ 2 หลังเลื่อนชั้น แชงค์ลี่ย์ก็พาทีมคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 6 เริ่มต้นยุคทองด้วยผู้เล่นอย่าง โรเจอร์ ฮันท์, ทอมมี่ สมิธ, รอน เยตส์, เอียน คัลลาแฮน, เอียน เซนต์จอห์น, “ไอ้หมูบิน” ทอมมี่ ลอว์เรนซ์, เจอร์รี่ เบิร์น, คริส ลอว์เลอร์, รอนนี่ มอแรน

– ปลายปี 1964 แชงค์ลี่ย์สั่งเปลี่ยนชุดแข่งจากเสื้อแดง-กางเกงขาว-ถุงเท้าขาว ให้เป็นสีแดงล้วน เพื่อความน่าเกรงขามมากขึ้น

[สมัยที่ 7]

**ฤดูกาล 1965/66 แชมป์ลีกสมัยที่ 7 ตามมาหลังการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพสมัยแรก 1 ปี เป็นสถิติมากสุดเทียบเท่ากับอาร์เซน่อล โรเจอร์ ฮันท์ ติดทีมชาติอังกฤษไปคว้าแชมป์โลก กลายเป็นนักเตะลิเวอร์พูลคนแรกที่ได้แชมป์โลกในช่วงที่เล่นให้สโมสร ก่อนที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส จะทำได้เช่นกันในอีก 44 ปีให้หลัง

– เกมรุกของลิเวอร์พูลโหดเหี้ยมสุด ๆ ในฤดูกาลนั้น อัดเวสต์แฮม 5-1 ถลุงเอฟเวอร์ตัน 5-0 กดฟอเรสต์ 4-0 ยำนอร์ธแฮมป์ตัน 5-0 ถล่มแบล็คเบิร์น 2 นัด 5-2 กับ 4-1 ขยี้อาร์เซน่อล 5-2 ต้อนซันเดอร์แลนด์ 4-0 สอยแบล็คพูล 4-1 ทุบแอสตัน วิลล่า 3-0

– เข้าชิงฟุตบอลสโมสรยุโรปครั้งแรก แพ้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในคัพ วินเนอร์ส คัพ 1-2 ที่แฮมพ์เดน พาร์ค, กลาสโกว์

[สมัยที่ 8]

**ฤดูกาล 1972/73 หลังจากรอมา 7 ปี ลิเวอร์พูลก็คว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 8 คราวนี้โฉมหน้าของทีมปรับเปลี่ยนไปหลายคน เควิน คีแกน กับ เรย์ คลีเมนซ์ ถูกดึงมาจากสคันธอร์ป เอมลีน ฮิวจ์ส จากแบล็คพูล จอห์น โตแช็ก จากคาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ และ สตีฟ ไฮเวย์ กับ ฟิล ธอมป์สัน เด็กปั้นของสโมสร

– คีแกนกับโตแช็กซัดคนละ 13 ประตูในลีก ลิเวอร์พูลทำสถิติชนะรวดเกมเหย้า 21 นัดติดต่อกันในลีก เป็นสถิติของลีกสูงสุดอังกฤษก่อนจะถูกรุ่นน้องในยุคของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ทำลายเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2020

– กลับมาคว้าแชมป์รอบนี้ไม่เพียงแค่ดิวิชั่นหนึ่ง แต่ยังพ่วงแชมป์ยูฟ่า คัพ ด้วยการเฉือน โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ด้วยประตูรวม 3-2 

– ฤดูกาล 1973/74 กับ 1974/75 คือช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ลิเวอร์พูลได้รองแชมป์ทั้ง 2 ครั้ง แต่มีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แชงค์ลี่ย์ ลาออกช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 1974/75 สโมสรเลือก บ๊อบ เพสลี่ย์ มือขวาในบูทรูมสตาฟฟ์ขึ้นมารับตำแหน่งแทน

– แล้วลิเวอร์พูลในยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจในวันแรกของเพสลี่ย์ ก็พุ่งไปได้ไกลยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

[สมัยที่ 9]

**ฤดูกาล 1975/76 แชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 9 และสมัยแรกในยุคของเพสลี่ย์มาถึง ทีมที่ดีอยู่แล้วสมทบด้วยนักเตะอย่าง ฟิล นีล แบ๊กขวาจากนอร์ธแฮมป์ตัน จิมมี่ เคส กับ เดวิด แฟร์คลัฟ นักเตะท้องถิ่น เทอร์รี่ แม็คเดอมอตต์ จากนิวคาสเซิ่ล และ เรย์ เคนเนดี้ จากอาร์เซน่อล

– ลิเวอร์พูลเร่งสปีดเต็มที่ชนะ 8 เสมอ 1 ใน 9 นัดสุดท้าย เกมสุดท้ายของฤดูกาลรัวแซงชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน 3-1 คว้าแชมป์ด้วยการเฉือนควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส แค่แต้มเดียว

– ได้แชมป์ ยูฟ่า คัพ อีกสมัยจากการผ่าน บาร์เซโลน่า ในรอบรองชนะเลิศ และชนะ คลับ บรูช ด้วยประตูรวม 3-2 ในนัดชิง

[สมัยที่ 10]

**เพสลี่ย์พาทีมป้องกันแชมป์ได้ต่อเนื่อง เฉือนแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 1976/77 แค่คะแนนเดียวอีกเช่นกันคว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 10 เควิน คีแกน กระหน่ำ 20 ประตูทุกรายการก่อนย้ายไปฮัมบูร์ก แต่เกมสุดท้ายของเขาคือค่ำคืนแห่งความรุ่งเรืองที่กรุงโรม ลิเวอร์พูลชนะมึนเช่นกลัดบัค 3-1 ได้แชมป์ยูโรเปี้ยน คัพเป็นครั้งแรก

– ลิเวอร์พูลยังเกือบจะได้เป็นทริปเปิลแชมป์ด้วยในฤดูกาลนั้น แต่นัดชิงเอฟเอ คัพ แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

[สมัยที่ 11]

**หลังเสียแชมป์ให้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ เพสลี่ย์ก็พาลิเวอร์พูลกลับมาทวงบัลลังก์แชมป์คืนได้ในฤดูกาล 1978/79 เป็นแชมป์ลีกครั้งที่ 11 ของสโมสร เกมรับเสียเพียง 16 ประตูทั้งฤดูกาล เล่นในแอนฟิลด์ถูกยิงแค่ 4 ลูก และ เรย์ คลีเมนซ์ เก็บคลีนชีต 28 จาก 42 เกมที่ลงเฝ้าเสา

– เคนนี่ ดัลกลิช จากกลาสโกว์ เซลติก อลัน แฮนเซ่น จากพาร์ทริค ธิสเทิ่ล แกรม ซูเนสส์ จากมิดเดิ้ลสโบรช์ และ อลัน เคนเนดี้ จากนิวคาสเซิ่ล ทยอยถูกดึงเข้ามาสู่แอนฟิลด์

[สมัยที่ 12]

**แชมป์สมัยที่ 12 ตามมาทันทีในฤดูกาลป้องกันแชมป์ เอมลีน ฮิวจ์ส ย้ายไปวูล์ฟแฮมป์ตันแต่ผลงานของลิเวอร์พูลยังสม่ำเสมอกว่าใคร เข้าป้ายด้วยการเบียดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 คะแนน เดวิด จอห์นสัน กองหน้าสเกาเซอร์เด็กปั้นเอฟเวอร์ตันที่ดึงมาจากอิปสวิช ทาวน์ คือดาวซัลโวของทีมซีซั่นนั้น

[สมัยที่ 13]

**ฤดูกาล 1981/82 เพสลี่ย์คุมทีมได้แชมป์ลีกสมัยที่ 5 และสมัยที่ 13 ในประวัติศาสตร์สโมสร ระบบลีกเปลี่ยนมาใช้กติกาชนะได้ 3 คะแนนแล้ว นักเตะเลือดใหม่อย่าง บรูซ กร๊อบเบล่าร์, สตีฟ นิโคล, มาร์ค ลอว์เรนสัน, รอนนี่ วีแลน, เคร็ก จอห์นสตัน ทยอยเข้าสู่ทีม

– หนึ่งในแข้งใหม่ยุคต้นทศวรรษ 1980 ของเพสลี่ย์คือกองหน้าหนุ่มวัย 20 ปีจากเชสเตอร์ ซิตี้.. เขามีชื่อว่า เอียน รัช 

[สมัยที่ 14]

**ลิเวอร์พูลเดินหน้ากวาดความสำเร็จอย่างหิวกระหายตลอดยุค 1980 ป้องกันแชมป์ด้วยการทิ้งห่าง วัตฟอร์ด ถึง 11 แต้มทั้ง ๆ ที่ 7 เกมสุดท้ายของฤดูกาลเก็บได้เพียง 2 คะแนนเท่านั้น เอียน รัช คว้าดาวซัลโวของทีมเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน

– แชมป์ลีกฤดูกาล 1982/83 นี้คือสมัยที่ 6 ของเพสลี่ย์และสมัยที่ 14 ของสโมสร แต่ที่สำคัญมันคือฤดูกาลสุดท้ายของเพสลี่ย์กับสโมสรเมื่อเขาประกาศวางมือและตำแหน่งผู้จัดการทีมถูกโอนไปยัง โจ เฟแกน สมาชิกบูทรูมอีกคน

[สมัยที่ 15]

**เพียงแค่ฤดูกาลแรก 1983/84 เฟแกน ก็พาทีมคว้าทริปเปิลแชมป์ ดิวิชั่นหนึ่ง-ยูโรเปี้ยน คัพ-ลีก คัพ ได้ทันที

– เอียน รัช กระหน่ำ 32 ประตูในลีก 47 ประตูในทุกรายการ เกมรับเสียเพียง 32 ประตูจาก 42 นัดน้อยที่สุดในลีก ยูโรเปี้ยน คัพชนะจุดโทษโรม่าที่กรุงโรม ขณะที่ลีก คัพเชือดเอฟเวอร์ตันในเกมแข่งใหม่ คว้าแชมป์ 4 ปีซ้อน

– ตลอดทศวรรษ 1980 ลิเวอร์พูลไม่หลุดจากพื้นที่ 2 อันดับแรกของลีกเลยและไม่เคยพลาดแชมป์ดิวิชั่นหนึ่งเกิน 1 ฤดูกาล

– ฤดูกาล 1984/85 เสียแชมป์ให้เอฟเวอร์ตันก็กลับมาเอาคืนได้ในฤดูกาล 1985/86.. ฤดูกาล 1986/87 เสียแชมป์ให้ทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินอีกหนก็เอาคืนได้ในฤดูกาล 1987/88 หรือซีซั่น 1988/89 แพ้อาร์เซน่อลในนัดสุดท้ายเสียแชมป์ ก็ทวงคืนได้ทันทีในซีซั่น 1989/90

[สมัยที่ 16]

**เคนนี่ ดัลกลิช ขึ้นมาคุมทีมแทนเฟแกนที่ขออำลาตำแหน่งหลังคุมทีมได้แค่ 2 ปี คิงเคนนี่ในบทบาทผู้เล่น-ผู้จัดการทีมพาลิเวอร์พูลคว้าดับเบิ้ลแชมป์ทันทีในฤดูกาลแรก 1985/86 เร่งเครื่องชนะ 11 เสมอ 1 จาก 12 เกมสุดท้ายเฉือนเอฟเวอร์ตัน 2 คะแนนคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 16 และย้ำแค้นแซงชนะคู่ปรับร่วมเมือง 3-1 ในนัดชิงเอฟเอ คัพ

– สตีฟ แม็คมาน, แยน โมลบี้ และ พอล วอลช์ ถูกดึงตัวเข้าสู่ทีมในยุคที่กำลังจะเปลี่ยนผ่านอีกหน

[สมัยที่ 17]

**ฤดูกาล 1987/88 แชมป์ลีกสมัยที่ 17 ได้มาอย่างมีสไตล์ เอียน รัช ย้ายไปยูเวนตุส แต่ดัลกลิชเสริมเน้น ๆ ด้วย จอห์น อัลดริดจ์ กองหน้าสเกาเซอร์จากอ๊อกซ์ฟอร์ด ยูไนเต็ด ที่เข้ามาตั้งแต่เดือนมกราคม ตามมาด้วย จอห์น บาร์นส์ จากวัตฟอร์ดในเดือนมิถุนายน ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์จากนิวคาสเซิ่ลในเดือนกรกฎาคม และ เรย์ เฮาจ์ตัน จากอ๊อกซ์ฟอร์ดอีกคนในเดือนตุลาคม

– ลิเวอร์พูลแล่นฉิวไม่แพ้ใคร 29 เกมติดต่อกันนับตั้งแต่เปิดฤดูกาลก่อนไปพ่ายเอฟเวอร์ตันที่กูดิสัน พาร์ค ซีซั่นนั้นเครื่องจักรสีแดงแพ้แค่ 2 เกมในลีก (แพ้ฟอเรสต์ 1-2 ในเกมที่ 32) อัลดริดจ์ซัลโว 26 ประตูในลีก 29 ประตูรวมทุกรายการ แต่ยิงจุดโทษไม่เข้าในนัดชิงเอฟเอ คัพที่แพ้ วิมเบิลดัน ชนิดพลิกล็อกระเนระนาด

[สมัยที่ 18]

**แชมป์ลีกสมัยที่ 18 มาถึงตามคาดหลังเหตุการณ์ฝันสลายที่แอนฟิลด์ในปี 1989 เอียน รัช กลับมาจากยูเวนตุสหนึ่งปีแล้ว อัลดริดจ์ย้ายไปเรอัล โซเซียดาด เกล็น ไฮเซ่น ปราการหลังสวีดิชย้ายมาจากฟิออเรนติน่า ลิเวอร์พูลถล่ม คริสตัล พาเลซ 9-0 ในเกมที่ 5 ของฤดูกาล โกยลิ่วเข้าเส้นชัยเป็นอันดับหนึ่งทิ้ง แอสตัน วิลล่า รองแชมป์ 9 คะแนน

– แต่ ณ เวลานั้นไม่มีใครคาดคิดเลยว่า มันจะเป็นแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายของลิเวอร์พูลตลอดเวลาอีกเกือบ 3 ทศวรรษเต็ม ๆ

– ลิเวอร์พูลก้าวเข้าสู่การรอคอยที่ยาวนาน 30 ปี ผ่านผู้จัดการทีมอีก 8 คน แกรม ซูเนสส์, รอย อีแวนส์, เชราร์ อุลลิเย่ร์, ราฟาเอล เบนิเตซ, รอย ฮอดจ์สัน, เคนนี่ ดัลกลิช, เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ก่อนจะมาเป็น เยอร์เก้น คล็อปป์

– ผ่านนักเตะอีกมากมายนับไม่ถ้วน สตีฟ แม็คมานามาน, เจมี่ เร้ดแน็ปป์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, ไนเจล คลัฟ, สแตน คอลลีมอร์, ไมเคิ่ล โอเว่น, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ซามี่ ฮูเปีย, เจมี่ คาร์ราเกอร์, แดเนียล สเตอร์ริดจ์, ราฮีม สเตอร์ลิง..

– แพทริก แบร์เกอร์, ดีทมาร์ ฮามันน์, แฮร์รี่ คีเวลล์, แดเนียล แอ็กเกอร์, หลุยส์ การ์เซีย, ชาบี อลอนโซ่, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, ลูคัส เลวา, เดิร์ค เค้าท์, เปเป้ เรน่า, เฟร์นานโด ตอร์เรส, เดยัน ลอฟเรน, ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, หลุยส์ ซัวเรซ..

– ได้แชมป์ยุโรป ได้แชมป์ยูฟ่า คัพ ได้แชมป์ซูเปอร์คัพ..

– ได้แชมป์ลีก คัพ ได้แชมป์เอฟเอ คัพ..

– แต่กับแชมป์ลีกสูงสุดที่เคยเป็นเหมือนสมบัติประจำตู้โชว์ในพิพิธภัณฑ์สโมสร.. ลิเวอร์พูลได้แต่รอ และรอ และรอ

– 30 ปีที่รอคอย ลิเวอร์พูลได้อันดับแปด 3 ครั้ง.. อันดับเจ็ด 3 ครั้ง.. อันดับหก 4 ครั้ง..

– อันดับห้า 2 ครั้ง..อันดับสี่ 7 ครั้ง.. อันดับสาม 5 ครั้ง..

– รองแชมป์.. อีก 5 ครั้ง

– กระทั่งทำได้ 97 คะแนนเมื่อฤดูกาล 2018/19 ทั้งซีซั่นแพ้แค่นัดเดียว ก็ยังไปไม่ถึงแชมป์

– แต่ทุกการรอคอยย่อมมีวันสิ้นสุด ลิเวอร์พูลในยุคที่เปลี่ยนผ่านมาแล้วหลายเจเนอเรชั่น กลับขึ้นสู่จุดที่คุ้นเคยอีกครั้ง

[สมัยที่ 19]

**ฤดูกาล 2019/20 ยุคพรีเมียร์ลีก โลกหมุนไปไกลและทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว กลับมาเป็นแชมป์ลีกอีกครั้งในรอบ 30 ปี ด้วยผลงานเหลือเชื่อเตะ 27 เกมแรกชนะ 26 เสมอ 1 ไม่แพ้ใครเลย ก่อนจะคว้าแชมป์อย่างไร้เทียมทานทิ้งห่างอันดับสองถึง 18 แต้ม

– เยอร์เก้น คล็อปป์ นำความฝันเหล่านั้นมาให้เดอะค็อป ด้วยขุนพลที่เดอะค็อปวันนี้ไม่มีวันลืม เฟอร์จิล ฟาน ไดค์, โมฮาเหม็ด ซาลาห์, อลีสซง เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่, ซาดิโอ มาเน่, แอนดี้ โรเบิร์ตสัน, จินี่ ไวจ์นัลดุม, ฟาบินโญ่, เจมส์ มิลเนอร์, โจ โกเมซ, โฌแอล มาติป, อเล็กซ์ อ๊อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, นาบี เกอิต้า, อดัม ลัลลาน่า, ดิว็อค โอริกี้

– ได้แชมป์ยุโรป ได้แชมป์ซูเปอร์คัพ ได้แชมป์สโมสรโลก ได้แชมป์เอฟเอ คัพ ได้แชมป์ลีก คัพ

– ในวันของคล็อปป์ ลิเวอร์พูลไล่ล่ากวาดความสำเร็จทุกรายการที่ขวางหน้า เดอะค็อปได้ยืดอกภาคภูมิใจในทีมรัก เชื่อและมอบศรัทธาสุดหัวใจให้ชายที่ชื่อเยอร์เก้น

– แต่ความเปลี่ยนแปลงคือนิรันดร์.. 

– มกราคม 2024.. คล็อปป์ประกาศอำลาตำแหน่งหลังจบฤดูกาล

– อาร์เน่อ.. โค้ชหนุ่มจากฮอลแลนด์ เข้ามาพร้อมความสงสัย ความวิตกกังวล บางคนเยาะเย้ยและถากถางทั้งที่ยังไม่เคยเห็นผลงาน

– แต่เขาก้มหน้าก้มตาทำหน้าที่ของตัวเอง ทำความรู้จักทุกคนในสโมสร มอบโอกาสให้ลูกทีมทุกคน ปรับแต่งในจุดที่เห็นว่าเหมาะควร ยืดหยุ่นบ้าง แข็งกร้าวบ้าง มีวิธีการของตัวเอง ค่อย ๆ เปิดเผยความสามารถของตัวเองออกมาทีละน้อย รับมือกับแรงกดดันได้ยอดเยี่ยม

– เมื่อรู้ตัวอีกที ลิเวอร์พูลในฤดูกาลแรกของความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อาร์เน่อตบแต่งทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางได้เร็วอย่างเหลือเชื่อ

[สมัยที่ 20]

**ฤดูกาล 2024/25 ลิเวอร์พูลคือแชมป์พรีเมียร์ลีกและแชมป์ลีกสูงสุดสมัยที่ 20 ทำคะแนนทิ้งห่างขาดลอยตั้งแต่ยังเหลืออีกถึง 4 เกมเต็ม ๆ กว่าจะจบฤดูกาล

– ขุนพลปรับเปลี่ยนไปจากชุดแชมป์เมื่อ 5 ปีที่แล้ว อลีสซง, ฟาน ไดค์, เทรนต์, ร็อบโบ้, โจ โกเมซ, เคอร์ติส โจนส์, ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์, ควีวิน เคลเลเฮอร์ และ ซาลาห์ ยังอยู่ เพิ่มเติมด้วย ดีโอโก้ โชต้า, อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, ไรอัน กราเฟนแบร์ก, โดมินิก โซโบซไล, หลุยส์ ดิอาซ, ดาร์วิน นูนเญซ, โกดี้ คักโป, อิบู โกนาเต้, วาตารุ เอนโด, คอสตาส ซิมิกาส, คอเนอร์ แบร๊ดลี่ย์

– เตะไป 4 เกมแพ้ครั้งแรก แต่กว่าจะปราชัยเป็นหนที่ 2 ต้องรอไปจนถึงเดือนเมษายน หรือเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมานี้เอง

– ชนะในเกมที่ควรชนะ ความผิดพลาดเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอยู่แล้วแต่ควบคุมให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด

– ลิเวอร์พูลในมือของอาร์เน่อชนะ 25 จาก 34 เกม มากกว่าทีมที่ชนะเยอะเป็นอันดับสองถึง 6 เกม

– แพ้แค่ 2 นัด น้อยที่สุดในลีก เสียแค่ 32 ประตู น้อยเป็นอันดับสองของพรีเมียร์ลีก

– ยิง 80 ประตู มากกว่าทีมที่ยิงได้เยอะตามมาเป็นอันดับสองถึง 14 ลูก

– โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ยิง 28 จ่าย 18 ในลีก ยิง 33 จ่าย 23 ในทุกรายการ ทำลายสถิติต่าง ๆ เป็นว่าเล่น

– เกมฉลองแชมป์เมื่อคืนวันอาทิตย์บอกทุกสิ่งทุกอย่าง ว่าแชมป์ลีกสมัยที่ 20 นั้นมีความหมายมากเพียงใด

– บรรยากาศนอกสนามที่แฟนบอลมายืนออกันแน่นรอรถบัสของทีม อาร์เน่อบอกหลังจบเกมถล่มสเปอร์สว่าเขาและลูกทีมทุกคนรู้ตั้งแต่วินาทีนั้นทันทีว่า เกมนี้ไม่มีทางแพ้

– ภาพทุกภาพ รูปทุกรูป เรื่องทุกเรื่อง ถูกถ่ายทอดผ่านสายตาเราหมดแล้ว เมื่อวานนี้คืองานฉลองครั้งยิ่งใหญ่จริง ๆ ของลิเวอร์พูล แชมป์ลีกสูงสุด 20 สมัยของอังกฤษ

#ตังกุย

,

บริการ

tag:
กีฬาต่างประเทศ ข่าวกีฬา ตลาดนักเตะ ตารางบอล ตารางบอลวันนี้ ทีมชาติไทย นิวคาสเซิ่ล บอลวันนี้ บาร์เซโลน่า บาเยิร์น มิวนิค บุนเดสลีกา บุนเดสลีกา เยอรมนี ปีศาจแดง ผลบอล ผลบอลเมื่อคืน ผีแดง พรีเมียร์ พรีเมียร์ลีก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ พรีเมียร์ลีกอังกฤษ ฟุตบอลต่างประเทศ ฟุตบอลทีมชาติไทย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยูโรปา ลีก รูเบน อโมริม ลาลีกา ลาลีกา สเปน ลิเวอร์พูล วิเคราะห์บอล สเปอร์ส หงส์แดง อาร์เซน่อล อาร์เน่อ สล็อต เชลซี เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ เรอัล มาดริด เอฟเอ คัพ แมนซิตี้ แมนยู แมนยูไนเต็ด แมนฯ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โปรแกรมบอล โปรแกรมบอลวันนี้